【 เป็น แผลในกระเพาะอาหาร ห้ามกินอะไร ? 】กินอะไรได้บ้าง?

  • Home
  • >
  • บทความ
  • >
  • 【 เป็น แผลในกระเพาะอาหาร ห้ามกินอะไร ? 】กินอะไรได้บ้าง?

January 12, 2023

เป็น แผลในกระเพาะอาหาร ห้ามกินอะไร กินอะไรได้บ้าง

ในบทความนี้จะพูดถึงเมื่อ เป็น แผลในกระเพาะอาหาร ห้ามกินอะไร ห้ามกินผลไม้อะไร และ กินอะไรได้บ้าง แล้วสาเหตุกระเพาะเป็นแผล อาการเกิดจากอะไร ทำไมวิธีรักษาด้วยยาถึงไม่ดีเท่าทานอาหารเสริมสมุนไพร

บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!!

กระเพาะเป็นแผล อาการ จะเป็นยังไงบ้าง?

เมื่อ กระเพาะเป็นแผล อาการ จะมีดังนี้

  • ปวดแสบปวดร้อนในช่องท้องส่วนบน อาจปวดตอนกลางดึก หรือเวลาใดก็ได้เมื่อท้องว่าง ซึ่งอาจเกิดจากกรดไหลย้อน
  • ปวดท้องหลังทานอาหารรสเผ็ดจัด
  • อาการปวดมักเป็นๆ หายๆ
  • คลื่นไส้และอาเจียน อาจเกิดจากกรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร
  • เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักลด
  • ท้องอืด เนื่องจากการสะสมของแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
  • อุจจาระเป็นเลือด นี่เป็นกรณีที่มีแผลในกระเพาะอาหารรุนแรง จนทำให้เลือดออก ควรพบแพทย์โดยด่วน
  • บางรายอาจไม่มีอาการใดๆ เลย

คุณสามารถดูรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับอาการของแผลในกระเพาะอาหารได้ที่ :
【 9 สัญญาณชี้อาการเป็นแผลในกระเพาะอาหาร 】มีอะไรบ้าง?

สาเหตุ กระเพาะเป็นแผล เกิดจาก อะไร?

สาเหตุของ กระเพาะเป็นแผล เกิดจาก ปัจจัยหลายๆอย่าง ได้แก่

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองจนเป็นแผลในกระเพาะอาหาร
  • การใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน และแอสไพริน
  • การใช้ยารักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบ
  • ความเครียดสะสม สามารถเพิ่มการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
  • การทานอาหารรสเผ็ดจัดๆ
  • การสูบบุหรี่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก อย่างเช่น เหล้า สุรา เบียร์ สามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร จึงมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
  • ภาวะจากโรคอื่นๆ เช่น โรคโครห์น กลุ่มอาการโซลลิงเจอร์-เอลลิสัน และมะเร็งกระเพาะอาหาร ที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้

ซึ่งปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น มีผลทำให้กรดของน้ำย่อยหลั่งออกมาในกระเพาะอาหารมากจนเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการทำให้กระเพาะเป็นแผล ผู้ป่วยจึงควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้

อยากรู้ว่าเป็นแผลในกระเพาะอาหารต้องกินยาอะไรใช่ไหม?
คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ :


เป็น แผลในกระเพาะอาหาร ห้ามกินอะไร บ้าง?

เมื่อเป็นแผลในกระเพาะอาหารห้ามกินอะไร เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ เพื่อลดความเสี่ยงของการระคายเคืองแผลในกระเพาะอาหาร สิ่งที่ห้ามกินมีดังนี้

  • อาหารรสเผ็ด ทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารระคายเคืองและเพิ่มการผลิตของกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งจะทำให้อาการของแผลในกระเพาะอาหารแย่ลง
  • อาหารทอดและอาหารที่มีไขมันสูง จะไปชะลอกระบวนการสมานแผลในกระเพาะอาหาร
  • ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว อย่างเช่น ส้ม มะนาว เพราะสามารถเพิ่มการผลิตกรดในกระเพาะอาหารได้
  • คาเฟอีน
  • แอลกอฮอล์ ทำให้แผลจากเยื่อบุในกระเพาะอาหารหายช้าลง
  • ช็อกโกแลต จะไปกระตุ้นให้หลั่งกรดเกินในกระเพาะอาหารได้
  • ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ เพราะอาจมีสภาพเป็นกรดทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารระคายเคืองได้
  • เครื่องดื่มอัดลม อาจทำให้เกิดแก๊สและท้องอืดได้
  • ของดอง
  • กาแฟ

นอกเหนือจากการหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้แล้ว ก็ควรที่จะทานอาหารที่เป็นผลดีต่อสุขภาพกระเพาะอาหารของเราอีกด้วย

สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพสำหรับแผนการรับประทานอาหารเฉพาะบุคคล เนื่องจากอาหารและเครื่องดื่มบางชนิดอาจทนต่อคนบางคนได้มากหรือน้อยกว่าคนอื่น นอกเหนือจากการหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้แล้ว สิ่งสำคัญคือต้องคงไว้ซึ่งการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งรวมถึงผลไม้ ผัก ธัญพืชไม่ขัดสี และโปรตีนไม่ติดมันจำนวนมาก เพื่อส่งเสริมการรักษาและสุขภาพโดยรวม

แผลในกระเพาะอาหาร ห้ามกินอะไร

แผลในกระเพาะอาหาร กินอะไรได้บ้าง ?

เมื่อเป็น แผลในกระเพาะอาหาร กินอะไรได้บ้าง ? เป็นคำถามที่หลายคนไม่ค่อยรู้กัน วันนี้เราจะมาแนะนำอาหารที่คนเป็นแผลในกระเพาะอาหารควรกินอะไร ได้แก่

  • ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลวีต ข้าวกล้อง และควินัว
  • โปรตีนไร้ไขมัน อย่างเช่น ไก่ ปลา และเต้าหู้
  • ผักและผลไม้ เป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยมที่ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้
  • นมไขมันต่ำ อย่างเช่น นม โยเกิร์ต และชีส
  • สมุนไพรและเครื่องเทศบางชนิด เช่น ขิง ขมิ้นชัน และยี่หร่า มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและช่วยลดอาการของแผลในกระเพาะอาหารได้
  • การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้เยื่อบุกระเพาะอาหารชุ่มชื้นและลดอาการของแผลในกระเพาะอาหาร
  • ซุป เช่น ซุปมิโสะ
  • อาหารย่อยง่าย อย่างเช่น พืชตระกูลถั่ว เมล็ดทานตะวัน ขนมปังขาว ข้าวขาว ข้าวโอ๊ต โจ๊ก และข้าวต้ม
  • อาหารที่มีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา อกไก่ไม่ติดหนัง
  • อาหารที่ความเป็นกรดต่ำ เช่น อาหารทะเล ลำไย ขนุน มะละกอ และแตงไท
  • อาหารจำพวกโพรไบโอติกส์ เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต กิมจิ มิโสะ

นอกจากประเภทอาหารที่ทานแล้ว ยังควรกินอาหารเป็นมื้อเล็กๆ และทานบ่อยๆ ดีกว่ากินเป็นมื้อใหญ่ๆ ทั้งนี้เพื่อลดปริมาณกรดที่ผลิตในกระเพาะอาหารต่อครั้ง

แผลในกระเพาะอาหาร กินอะไรได้บ้าง

เป็นโรคกระเพาะห้ามกินผลไม้อะไร ?

สำหรับคนเป็นโรคกระเพาะ ห้ามกินผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยว กรดเยอะ และผลไม้ดองทุกชนิด ได้แก่

  • ส้ม
  • มะนาว
  • สับปะรด
  • ผลเบอร์รี่
  • กีวี
  • มะขาม
  • มะม่วงดอง
  • มะละกอ
  • มะเขือเทศ
  • มะยม
  • องุ่นดอง
  • มะปรางดอง
  • ฝรั่งดอง
  • ฝรั่งแช่บ๊วย
  • มะม่วงแช่อิ่ม
  • เชอร์รีแช่อิ่ม
  • กระท้อนแช่อิ่ม

เนื่องจากผลไม้พวกนี้จะไปกระตุ้นให้มีการหลั่งกรดเกินในกระเพาะอาหารมากเกินไป

เป็นโรคกระเพาะห้ามกินผลไม้อะไร

วิธีรักษา แผลในกระเพาะอาหาร

สำหรับ วิธีรักษา แผลในกระเพาะอาหาร มีดังนี้

  • เลิกสูบบุหรี่
  • ลดความเครียด ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ หรือ หาเวลาผ่อนคลายให้กับตัวเอง
  • ทานอาหารย่อยง่าย
  • หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัดๆ
  • หลีกเลี่ยงอาหารเปรี้ยวจัดๆ
  • งดการใช้ยาแก้ปวดแอสไพริน
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาโรคกระดูกและยาข้ออักเสบทุกชนิด
  • ลดดื่มน้ำอัดลม
  • งดของดอง
  • กินยาลดกรด เช่น H2 receptor antagonists และ Proton pump inhibitors (PPIs)
  • ทานยาป้องกันเยื่อบุกระเพาะอาหาร อย่างเช่น misoprostol และ sucralfate
  • การผ่าตัด จำเป็นในกรณีที่แผลในกระเพาะอาหารมีเลือดออกในกระเพาะหรือแผลเกิดการทะลุ
  • การรักษาด้วยอาหารเสริมจากสมุนไพร เช่น กรีนเคอมิน และ เคอม่าแม็กซ์ ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หากเป็นรุนแรงมาก อย่างเช่น มีเลือดออกในกระเพาะ หรือแผลทะลุ ควรรีบเข้าพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาแต่เนิ่นๆ

แต่หากไม่รุนแรงมากนัก ก็ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและวิธีดำเนินชีวิต ควบคู่ไปกับการทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมหลักจากสมุนไพรธรรมชาติพวก ขมิ้นชัน หรือขิง อาทิเช่น...

กรีนเคอมิน ที่เป็นรูปแบบแคปซูล ทานเพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหารและปรับสมดุลให้กระเพาะอาหารทำงานได้ตามปกติในระยะยาว และ เคอม่าแม็กซ์ ที่เป็นชนิดน้ำ ดื่มง่าย ไว้ใช้บรรเทาอาการจากแผลในกระเพาะอาหารแบบทันที ดื่มเพื่อรักษาในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ควรที่จะทานควบคู่ไปด้วยกัน

วิธีรักษา แผลในกระเพาะอาหาร

แนะนำ ยาแผลในกระเพาะอาหาร

สำหรับตัว ยาแผลในกระเพาะอาหาร มียาหลายตัวให้เลือก ได้แก่

  • แรนิทิดีน (Ranitidine) 
  • ไซเมทิดีน (Cimetidine)
  • ฟาโมทิดีน (Famotidine)
  • ซูคราลเฟต (Sucralfate)
  • ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) 

อย่างไรก็ตาม ยาพวกนี้มีผลข้างเคียงมากมายไม่เหมาะทานในระยะยาว จึงควรพิจารณาทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรเป็นทางเลือกอีกทาง เนื่องจากไม่มีผลข้างเคียง อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากด้วย ซึ่งเราแนะนำตัวที่มีส่วนผสมหลักเป็น ขิงกับขมิ้นชันซึ่งมีสารเคอร์คูมินอยู่ด้วย

นั้นเพราะ เคอร์คูมินเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพและสารต้านอนุมูลอิสระที่พบในขมิ้นชัน และจากการศึกษาพบว่าสามารถช่วยลดอาการบาดเจ็บของแผลในกระเพาะอาหารและช่วยในการรักษาสมดุลในกระเพาะอาหารอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Green Curmin กับ Curma max ประกอบด้วย Curcumin(เคอร์คูมิน), Black Pepper และ Piperine ซึ่งทำงานร่วมกันเพื่อปรับปรุงการดูดซึมของ Curcumin เข้าสู่ร่างกายให้ดีขึ้น 16,000 เท่า จึงทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าการทานขมิ้นชันเปล่าๆ

อาหารเสริม Green Curmin กับ Curma max ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาแผลในกระเพาะอาหารเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการอักเสบและช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย จึงเหมาะมากสำหรับในการรักษาคนที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร

หากคุณสนใจตัวอาหารเสริม Green Curmin และ Curma Max คุณสามารถกดเข้าไปดูข้อมูลเชิงลึกได้ที่นี่ :

--> 【 ยา ลด กรด ไหล ย้อน 】ขมิ้นชัน กรีนเคอมิน green curmin ดีไหม <--

แนะนำ ยา แผลในกระเพาะอาหาร

สรุป

เมื่อเป็นแผลในกระเพาะอาหาร สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด อย่างเช่น อาหารรสเผ็ด อาหารที่มีไขมันสูง อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้อาการแย่ลงและทำให้แผลหายช้าลง ยิ่งไปกว่านั้นยังควรทานพวก ผัก ผลไม้ และเมล็ดธัญพืชแทน ซึ่งสามารถบรรเทาเยื่อบุกระเพาะอาหารและลดการอักเสบของแผลลงได้ แต่อาจใช้เวลาในการรักษาช้าหน่อย

แต่หากต้องการที่จะรักษาแผลให้หายโดยไว ก็อาจจะเลือกทานอาหารเสริมสมุนไพรที่มีส่วนผสมหลักเป็น ขมิ้นชัน หรือ ขิงก็ได้ เพราะเป็นการรักษาแบบธรรมชาติ จึงไม่มีผลข้างเขียงและอันตรายใดๆ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากนัก ไม่เหมือนกับการทานยาที่อาจมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมา หรือเข้ารักษากับแพทย์ที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูงมาก

ที่มา : pptv

บทความที่เกี่ยวข้อง