【 โรค กระเพาะอาหารอักเสบ อาการ 】และ สาเหตุ เกิดจาก อะไร?

January 10, 2023

โรค กระเพาะอาหารอักเสบ อาการ สาเหตุ เกิดจาก อะไร

หัวข้อนี้พูดถึงเรื่อง โรค กระเพาะอาหารอักเสบ อาการ และ สาเหตุ เกิดจาก อะไร มี วิธีป้องกัน รักษา ยังไง และมีอาการภาวะแทรกซ้อน เช่น ลําไส้อักเสบ , ปวดหลัง , กระเพาะทะลุ , ติดเชื้อ , ปวดท้อง , อักเสบเรื้อรังและเฉียบพลัน เป็นยังไงบ้าง พร้อมทั้งแนะนำอาหารเสริมที่สามารถกินเป็นยาแก้โรคกระเพาะอาหารอักเสบให้อีกด้วย

บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย!!

โรค กระเพาะอาหาร อักเสบ เกิดจาก สาเหตุ อะไร?

สาเหตุที่แท้จริงของการเกิด โรค กระเพาะอาหาร อักเสบ อาจแตกต่างกันไป แต่มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างที่ทำให้เกิดโรค ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ คือ แบคทีเรียที่เรียกว่า Helicobacter pylori (H. pylori) ซึ่งสามารถติดเชื้อในกระเพาะอาหารและทำลายเยื่อบุ นำไปสู่การอักเสบและอาการอื่นๆ สาเหตุทั่วไปอื่นๆ ของโรคกระเพาะ ได้แก่

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในกระเพาะอาหารและอาจทำให้เกิดการอักเสบและระคายเคืองได้
  • ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) การรับประทานยากลุ่ม ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) อย่างเช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และนาโพรเซน ซึ่ง NSAIDs สามารถระคายเคืองและทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร
  • การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ก็อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะได้ เพราะจะไปทำให้กระเพาะระคายเคืองจนไปเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้
  • ความเครียด
  • สภาวะความผิดปกติของร่างกาย เช่น โรคโครห์น โรคลูปัสอีรีทีมาโตซัส (SLE) และโรคไขข้ออักเสบ สามารถนำไปสู่การตอบสนองต่อภูมิต้านทานผิดปกติในกระเพาะอาหารได้
  • การรักษาด้วยการฉายรังสีที่ใช้รักษามะเร็ง ก็สามารถทำให้เกิดโรคกระเพาะได้เช่นกัน
  • น้ำดีจากอาการกรดไหลย้อน เกิดขึ้นเมื่อน้ำดีย้อนกลับไปในกระเพาะอาหาร
  • การติดเชื้อไวรัส อย่างเช่น ไวรัส Epstein-Barr ยังสามารถทำให้เกิดโรคกระเพาะ
  • การแพ้อาหารบางชนิด อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะได้เช่นกัน
  • การสูบบุหรี่ จะนำไปสู่การอักเสบของโรคกระเพาะอาหาร
  • การดื่มแอลกอฮอล์
  • อายุ ก็มีส่วน เพราะโรคกระเพาะพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เพราะเยื่อบุกระเพาะอาหารจะบางลงตามอายุ ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการอักเสบและระคายเคืองมากขึ้น
  • อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น อาหารที่มีการแปรรูป , อาหารทอด และอาหารรสจัดสูง ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระเพาะได้
  • ยาบางชนิด อย่างเช่น ยาเสริมธาตุเหล็ก

อยากรู้ไหมว่ากินยารักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ กี่วันหาย แล้วต้อง กินยาอะไร ?
คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ :


โรค กระเพาะอาหาร อักเสบ เกิดจาก สาเหตุ อะไร

โรค กระเพาะอาหารอักเสบ อาการ มีอะไรบ้าง?

สำหรับ โรค กระเพาะอาหารอักเสบ อาการ จะแตกต่างกันไปตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง การทำความเข้าใจอาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรู้ว่าตัวเองเป็นโรคได้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งอาการโรคกระเพาะอาหารอักเสบ มีดังนี้

  • อาการปวดท้อง มีตั้งแต่ปวดเล็กน้อย ปวดตื้อๆ จนไปถึงปวดรุนแรง จุดที่ปวดอาจแตกต่างกันไป แต่มักเจอบ่อยที่บริเวณช่องท้องส่วนบนหรือลิ้นปี่ (บริเวณใต้ซี่โครง)
  • จุก เสียด แน่นบริเวณใต้ลิ้นปี่ ตื้อ ซึ่งอาการเหล่านี้มีตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงปวดอย่างรุนแรง  เป็นความรู้สึกแสบร้อนที่หน้าอกหรือลำคอ และมักมีอาการอาหารไม่ย่อยร่วมด้วย
  • คลื่นไส้ อาเจียน ก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร
  • อาหารไม่ย่อย อาการนี้อาจเกิดจากการอักเสบในกระเพาะอาหาร
  • เบื่ออาหาร หรือมีความอยากอาหารลดลง
  • การสะอึก เกิดจากการหดตัวอย่างฉับพลันของกล้ามเนื้อกระบังลมที่อยู่ระหว่างช่องอกและช่องท้อง ทำให้เกิดเสียง "ฮิก" ขึ้นมา
  • น้ำหนักลด อาจเกิดจากความอยากอาหารลดลงของอาการเบื่ออาหาร
  • แสบร้อนที่หน้าอก
  • อาการเจ็บหน้าอก อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการเสียดท้องหรือแน่นหน้าอก จำเป็นที่จะต้องพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการเจ็บหน้าอก
  • อุจจาระเป็นเลือด อาการนี้แสดงว่าเลือดออกในกระเพาะอาหาร ควรไปพบแพทย์ทันที
  • ปัสสาวะสีน้ำตาลเข้ม แสดงว่าผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาจมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร จึงทำให้ปัสสาวะมีสีเข้มหรือสีน้ำตาล นี่เป็นอาการที่ร้ายแรงและต้องได้รับการดูแลจากแพทย์ทันที
  • กลืนลำบาก จะเกิดในกรณีที่เป็นโรคกระเพาะรุนแรง ตอนกลืนจะมีความรู้สึกอาหารติดคอหรือหน้าอก
  • ความเหนื่อยล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • กลิ่นปาก อาจเกิดจากแบคทีเรียในกระเพาะอาหารได้
  • ไข้ เนื่องจากร่างกายพยายามสู้กับการอักเสบของกระเพาะอาหาร
  • ปวดท้องก่อนและหลังรับประทานอาหาร
  • ปวดท้องตอนท้องว่าง
  • ปวดท้องตอนกลางดึกบ่อยๆ
  • ปวดท้องแบบเป็นๆ หายๆ
  • ท้องบวม
  • ท้องอืด
  • ท้องเฟ้อ
  • เรอบ่อย
  • ความเมื่อยล้า คนที่เป็นโรคกระเพาะอาจรู้สึกเหนื่อยล้าง่าย
  • อาเจียนเป็นเลือด อาจเป็นสีแดงหรือสีดำ นี่ก็เป็นอาการที่รุนแรงพอๆกับอุจจาระสีดำ ควรไปพบแพทย์ทันที
โรค กระเพาะอาหารอักเสบ อาการ มีอะไรบ้าง

สาเหตุการเป็น กระเพาะ อาหาร อักเสบ ปวดหลัง ได้ยังไง

ในบางกรณีการเป็น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ก็ทำให้เกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน ซึ่งมีหลายสาเหตุที่ทำให้ปวดหลังได้ ได้แก่

  • เนื่องจากสัญญาณความเจ็บปวดเมื่อเกิดการอักเสบของเยื่อบุในกระเพาะอาหาร สามารถก็จะเดินทางผ่านเส้นประสาทไปยังหลังได้ จุงทำให้เกิดอาการปวดหลัง
  • ภาวะกล้ามเนื้อตึงหรือหดเกร็งของกระเพาะ ก็อาจทำให้กล้ามเนื้อส่วนหลังตึงและกระตุก ซึ่งอาจนำไปสู่ความเจ็บปวดที่หลังได้
  • ภาวะคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นภาวะที่มักจะมาคู่กับโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
  • ภาวะขาดน้ำจากอาการของโรคกระเพาะ มีโอกาสทำให้กล้ามเนื้อเป็นตะคริวและเกร็ง ซึ่งทำให้ปวดหลังตามมาได้
กระเพาะ อาหาร อักเสบ ปวดหลัง

กระเพาะ อาหาร อักเสบ ปวด หลัง รักษา ยังไง

การรักษาอาการปวดหลังที่เกิดจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ทำได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ลดความเจ็บปวดด้วยยาแก้ปวด อย่างเช่น ไอบูโพรเฟน และ อะเซตามิโนเฟน ซึ่งสามารถช่วยลดอาการปวดและการอักเสบที่หลังที่เกิดจากโรคกระเพาะได้
  • การประคบร้อนหรือเย็นที่บริเวณที่ปวด ก็สามารถช่วยลดอาการปวดและอักเสบลงได้
  • การดื่มน้ำให้เพียงพอ ถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ
  • การออกกำลังกายและการยืดกล้ามเนื้อเบาๆ จะสามารถช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อลงได้ ซึ่งจะช่วยในการลดอาการปวดหลังได้เช่นกัน

ไม่ว่าวิธีไหนที่ทางเราเสนอมาก็ยังไม่ใช่วิธีรักษาซะทีเดียว เป็นปค่การบรรเทาเพื่อลดความเจ็บปวดที่เกิดจากการปวดหลัง นั้นเพราะสาเหตุของอาการนั้นมาจากกระเพาะอาหารอักเสบ เราจึงจำเป็นต้องไปแก้ตรงนั้นที่เป็นต้นเหตุ

กระเพาะ ทะลุ อาการ จะเป็นยังไง

กระเพาะอาหารทะลุ หรือจะเรียกว่าเป็น แผลในกระเพาะอาหาร เกิดขึ้นเมื่อมีรูในเยื่อบุกระเพาะอาหาร เป็นภาวะร้ายแรงเนื่องจากอาจทำให้สิ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหารรั่วไหลออกไปที่ช่องท้องได้ ซึ่งจะนำไปสู่การติดเชื้อรุนแรงและเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ กระเพาะอาหารทะลุ ถือเป็นเหตุฉุกเฉินและต้องได้รับการรักษาทันที ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการที่เกิดจากกระเพาะอาหารทะลุ ดังนี้

  • อาการปวดท้องรุนแรงและฉับพลัน จะรู้สึกเจ็บบริเวณตรงกลางด้านบนหรือด้านซ้ายบนของช่องท้อง และอาจมีอาการกดเจ็บร่วมด้วย
  • คลื่นไส้และอาเจียน ซึ่งในบางครั้งอาจมีเลือดปนมาด้วย
  • ไข้และหนาวสั่น อาจเพราะเกิดการติดเชื้อ
  • หัวใจเต้นเร็ว เนื่องจากความเจ็บปวดที่เกิดจากการติดเชื้อรุนแรง
  • ดอาการช็อก ซึ่งจะเป็นภาวะร้ายแรงที่มีความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว และอาการอื่นๆร่วมด้วย
  • ท้องอืด ท้องอาจบวมและขยายออกเนื่องจากการสะสมของของก๊าซในกระเพาะอาหาร
  • ความดันโลหิตต่ำ จะเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ถึงการมีเลือดออกภายในอย่างรุนแรง

โดยรวมแล้วกระเพาะอาหารทะลุเป็นภาวะร้ายแรงที่ต้องได้รับการรักษาทันที หากเกิดอาการปวดท้องรุนแรงควรไปพบแพทย์ทันที ซึ่งการรักษาสามารถทำได้หลายวิธี  อย่างเช่น การผ่าตัด , การทานยารักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการที่เป็น

การวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อสงสัยว่าเป็น กระเพาะอาหารทะลุ

  • การตรวจร่างกาย เช่น ความกดเจ็บและท้องอืด ที่บริเวณตรงกลางด้านบนหรือด้านซ้ายบนของช่องท้อง
  • การตรวจเลือด อาจใช้การตรวจเลือดเพื่อตรวจหาสัญญาณของการติดเชื้อ ภาวะโลหิตจาง หรือภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
  • การทดสอบภาพ เช่น X-ray, CT scan หรืออัลตราซาวนด์ เพื่อตรวจสอบสัญญาณและเพื่อกำหนดขนาดและตำแหน่งของแผลในกระเพาะอาหาร

โรคกระเพาะอาหาร อักเสบ เรื้อรัง

ลักษณะของ โรคกระเพาะอาหาร อักเสบ เรื้อรัง จะเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบในระยะเวลานานๆ ซึ่งจะนำไปสู่สภาวะที่ร้ายแรงกว่า เช่น แผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก , โรคกรดไหลย้อน (GERD) และภาวะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้

หากมีอาการปวดท้องช่วงบน หรือช่วงล่าง อุจจาระเป็นเลือด และปัสสาวะสีเข้ม กินยารักษาหายแล้ว แต่กลับมามีอาการใหม่ วนเวียนนานเกิน 14-20 วัน ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน เพื่อตรวจหาสาเหตุผ่านการตรวจร่างกาย , การตรวจเลือด และการตรวจด้วยภาพเอ็กซ์เรย์หรือการส่องกล้อง หากอาการรุนแรงอาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมเยื่อบุกระเพาะอาหารที่เสียหายทันที

กระเพาะอาหารอักเสบ เฉียบพลัน

โรค กระเพาะอาหารอักเสบ เฉียบพลัน คือภาวะที่เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ แต่เป็นแค่ในระยะสั้นๆ ไม่เกิน 7-14วันก็หาย ซึ่งเป็นเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด  อาการสำคัญๆ ได้แก่

  • ปวดท้อง จุกบริเวณใต้ลิ้นปี่เมื่อรับประทานอาหาร
  • เบื่ออาหาร
  • อาหารไม่ย่อย
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ไอเป็นเลือด
  • ถ่ายเป็นสีดำเข้ม

ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักมาจากการใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือ ยาแก้โรคกระดูกและข้ออักเสบ , การสูบบุหรี่หนักๆ , การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) 

อยากรู้เรื่อง คนเป็นโรคกระเพาะห้ามกินอะไรบ้างไหม?
คุณสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ :


กระเพาะอาหาร ติดเชื้อ อาการ จะเป็นยังไง?

กระเพาะอาหาร ติดเชื้อ อาการ จะเป็นเมื่อกระเพาะอาหารเกิดการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหารเนื่องจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น เลือดออก และ แผลในกระเพาะอาหาร อาการของการติดเชื้อในกระเพาะอาหาร ได้แก่

  • ปวดท้องหรือไม่สบายหนักๆ
  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • เบื่ออาหาร
  • ท้องอืดหรือเรอ
  • อาหารไม่ย่อย
  • อุจจาระสีดำหรืออุจจาระค้าง
  • อาเจียนเป็นเลือดหรือวัตถุที่คล้ายกากกาแฟ
  • ไข้และหนาวสั่น
  • ท้องร่วง

อาการทั้งหมดเหล่านี้ เป็นอาการที่สันนิษฐานได้ว่าผู้ป่วยติดเชื้อในกระเพาะอาหาร จึงควรไปพบแพทย์โดยด่วน

อาการ โรค กระเพาะลําไส้ อักเสบ

อาการ โรค กระเพาะลําไส้ อักเสบ หรือจะเรียกว่าโรคไข้หวัดในกระเพาะอาหารก็ได้ มีลักษณะเป็นการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ ระยะเวลาประมาณ 5-7 วัน และอาการจะขึ้นกับสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบ ซึ่งอาการของโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบที่พบได้ มีดังนี้

  • ปวดท้องหรือเป็นตะคริว อาจเป็นอาการปวดทื่อหรือปวดแปลบในท้องหรือช่องท้อง
  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • ท้องเสีย อุจจาระเหลวเป็นน้ำ
  • เบื่ออาหาร รู้สึกอิ่มหลังจากรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย
  • ภาวะขาดน้ำ เนื่องจากการสูญเสียมวลน้ำผ่านการอาเจียนและท้องเสีย อาการอาจรวมถึงปากแห้ง ปัสสาวะสี
  • เหลืองเข้ม และรู้สึกวิงเวียนศรีษะหรือหน้ามืด
  • ร่างกายรู่สึกเหนื่อยล้า
  • ปวดหัว เนื่องจากภาวะขาดน้ำ
  • ไข้ต่ำ

กระเพาะลําไส้ อักเสบ เกิดจาก

สำหรับ กระเพาะลําไส้ อักเสบ เกิดจาก สาเหตุ ส่วนใหญ่ได้แก่

  • การติดเชื้อไวรัส เช่น ไวรัสโนโร(Norovirus) , ไวรัสโรตา (Rotavirus) และอะดีโนไวรัส
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อซัลโมเนลลา, อีโคไล และชิเกลลา
  • อาหารเป็นพิษ อาจเกิดจากการบริโภคอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อน
  • ปรสิต เช่น Giardia

วิธี รักษา โรค กระเพาะลําไส้ อักเสบ

สำหรับ วิธี รักษา โรค กระเพาะลําไส้ อักเสบ สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดอาการ เช่น

  • ทานยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดแบคทีเรีย หากพบว่าการติดเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ
  • ทานยารักษาอาการคลื่นไส้อาเจียน หากเกิดอาการอาเจียน
  • การให้น้ำเกลือ ในกรณีที่สาเหตุเกิดจากการบริโภคอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อน

นอกจากนี้ผู้ป่วยควรดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อทดแทนมวลน้ำที่สูญเสียจากการอาเจียนและท้องร่วง และพักผ่อนให้มากๆเพื่อช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อและเร่งการฟื้นตัว

ปวดท้องกระเพาะ กินยาอะไร

เมื่อ ปวดท้องกระเพาะ กินยาอะไร นั้น เราขอแนะนำการรักษาด้วยยาดังนี้

  • ยาลดกรด เช่น Tums และ Rolaids
  • Histamine-2 receptor antagonists (H2RAs): H2RAs เช่น ranitidine (Zantac) และ famotidine (Pepcid) ช่วยลดการผลิตกรด จะได้ผลเมื่อใช้นานเกิน 30 วันไปแล้ว
  • proton pump inhibitors (PPIs): PPIs เช่น omeprazole (Prilosec) และ lansoprazole (Prevacid)
  • antispasmodics: antispasmodics เช่น dicyclomine (Bentyl) และ hyoscyamine (Levsin)
  • clarithromycin (Biaxin) และ amoxicillin (Amoxil)
  • Antacid ลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และป้องกันการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร
  • Prokinetic: ตัวแทน Prokinetic เช่น metoclopramide (Reglan) และ domperidone (Motilium)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะนั้นควรเป็นตัวเลือกสุดท้าย เพราะตัวยาอาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกายที่ตามมาและควรจะได้รับการดูแลและจ่ายยาจากทางแพทย์ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการรักษากับแพทย์นั้นค่อนข้างสูง

หากไม่ได้มีอาการใดๆร้ายแรงก็ควรใช้วิธีรักษาแบบอื่นเข้าช่วย ซึ่ง 1 ในนั้น ทางเราขอแนะนำให้ทานอาหารเสริมที่ผลิตจากสมุนไพร เพื่อจะได้ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย และควรได้รับเครื่องหมาย อย. กำกับแล้วเท่านั้น

ซึ่งทางเราได้คัดสรรจนได้อาหารเสริมที่เหมาะสำหรับคนที่ปวดท้องกระเพาะ อาจจะเนื่องจากเกิด แผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบ แผลในกระเพาะอาหาร อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน ซึ่งใช้ขมิ้นเป็นส่วนประกอบหลัก ชื่อว่า Green Curmin 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Green Curmin นี้ สามารถบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคกระเพาะได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น อีกทั้งมีในรูปแบบแคปซูลใช้รักษาระยะยาว และรูปแบบน้ำที่เรียกว่า Curma Max ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวดได้ทันที 

หากคุณสนใจตัวอาหารเสริม Green Curmin คุณสามารถกดเข้าไปดูข้อมูลเชิงลึกได้ที่นี่ :

--> 【 ยา ลด กรด ไหล ย้อน 】ขมิ้นชัน กรีนเคอมิน green curmin ดีไหม <--

ปวดท้องกระเพาะ กินยาอะไร

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ภาวะแทรกซ้อน ที่ตามมา

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ภาวะแทรกซ้อน สามารถเกิดได้เพราะเป็นโรคเรื้อรัง ส่วนใหญ่จึงมักจะไม่ได้มาอาการเดียว แต่จะมีภาวะแทรกซ้อนแถมมากับโรคด้วย ได้แก่

  • แผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะอาหารอักเสบบางครั้งนำไปสู่การเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นแผลที่เกิดขึ้นที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บและอาจมีเลือดออกภายในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
  • โรคโลหิตจาง โรคกระเพาะอาจทำให้เลือดออกในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจนำไปสู่โรคโลหิตจางได้ ซึ่งเป็นภาวะที่เซลล์เม็ดเลือดแดงขาดเลือด ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเหนื่อยล้า หายใจถี่ และหน้าซีด
  • มะเร็งกระเพาะอาหาร กรณีนี้มักจะเกิดขึ้นในกรณีของโรคกระเพาะเรื้อรัง หรือในกรณีที่โรคกระเพาะเกิดจากการติดเชื้อ H. pylori
  • ภาวะทุพโภชนาการ หรือสภาวะร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่ครบถ้วน หรือมีปริมาณที่ไม่เหมาะกับความต้องการของร่างกาย มักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคกระเพาะที่ทำให้เบื่ออาหารและกินลำบาก
  • ภาวะขาดน้ำ เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนเนื่องจากอาการแทรกซ้อนของโรคกระเพาะ จึงทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และจะทำให้เกิดอาการต่างๆตามมาทีหลัง เช่น วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยล้า และปากแห้ง
  • กลืนลำบาก เกิดการอักเสบของหลอดอาหารซึ่งเป็นท่อที่เชื่อมต่อปากกับกระเพาะอาหาร
  • กระเพาะอาหารตีบตัน เกิดเมื่อเป้นโรคกระเพาะถึงขั้นเรื้อรัง ซึ่งอาจทำให้กระเพาะอาหารแคบลงและไม่สามารถเก็บอาหารได้ อย่างไรก็ตามภาวะแทรกซ้อนชนิดนี้หายากมาก แต่เมื่อเป็นอาการก็จะร้ายแรง ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน
  • เยื่อบุกระเพาะอาหารทะลุ นี่เป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่ต้องไปพบแพทย์ทันที

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ วิธีป้องกัน

ในหัวข้อนี้ เราจะพูดถึงเมื่อเป็น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ วิธีป้องกัน ควรทำตัวยังไงบ้าง ได้แก่

  • รักษาสุขอนามัยที่ดี เช่นการล้างมือเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยโรคกระเพาะอาหารอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า , สุรา
  • หลีกเลี่ยงยาที่อาจทำให้เกิดโรคกระเพาะได้ เช่น แอสไพริน , ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) และยาแก้โรคกระดูกและข้ออักเสบ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่นอาหารประเภทไขมันต่ำ , ผัก ,ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสีสูง ก็สามารถช่วยป้องกันโรคกระเพาะได้
  • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น อาหารประเภทเปรี้ยวจัด , อาหารประเภทเผ็ดจัด และอาหารมัน
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดสูงสามารถช่วยลดอาการได้
  • ผ่อนคลายความเครียดและความกังวล อาจจะจัดการความเครียดผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย โยคะ หรือการทำสมาธิ
  • เลิกสูบบุหรี่
  • คุมน้ำหนัก อย่าให้น้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน
  • เข้าตรวจสุขภาพเป็นประจำ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับการตรวจหา H.pylori: หากคุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ H.pylori

โปรดจำไว้ว่า การป้องกันอาการโรคกระเพาะอาหารอักเสบนั้นดีกว่าการรักษาหลังจากที่เกิดอาการนั้นไปแล้ว

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ วิธีป้องกัน

ยา แก้ ปวด ท้อง โรค กระเพาะ อาหาร อักเสบ แบบบรรเทาอาการปวดได้ทันที

สำหรับ ยา แก้ ปวด ท้อง โรค กระเพาะ อาหาร อักเสบ แบบบรรเทาอาการปวดได้ทันที หากคุณกำลังทรมานจากการปวดท้องจากโรคกระเพาะ และกำลังมองหาวิธีรักษาที่เป็นธรรมชาติและมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการทันที...

การทานอาหารเสริม Curma Max และ Green Curmin ร่วมกันอาจเป็นทางออกสำหรับคุณ

Curma Max เป็นอาหารเสริมชนิดน้ำ ง่ายต่อการบริโภค ทำจากขมิ้น ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่ทรงพลังที่สามารถช่วยลดการอักเสบในเยื่อบุกระเพาะอาหารและช่วยบรรเทาอาการ เช่น ปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหารอักเสบ ของคุณได้ทันที 

ในทางกลับกัน Green Curmin เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบแคปซูลที่ใช้ขมิ้นเป็นส่วนประกอบหลักเช่นกัน มันถูกคิดค้นเพื่อให้ใช้รักษาโรคกระเพาะในระยะยาว 

เมื่อรวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน คุณจะได้รับการบรรเทาทันทีจาก Curma Max และรักษาระยะยาวจาก Green Curmin

Curma Max และ Green Curmin ผ่านการรับรองคุณภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GMP สากล, HACCP, ISO9001:2015 และเครื่องหมาย HALAL ที่มีหลักเกณฑ์ที่เข้มงวด ดังนั้นคุณจึงวางใจได้ในคุณภาพของอาหารเสริมตัวนี้

นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการรับประทานยาเป็นเวลานานๆอีกด้วย

หากคุณสนใจตัวอาหารเสริม Green Curmin คุณสามารถกดเข้าไปดูข้อมูลเชิงลึกได้ที่นี่ :

--> 【 ยา ลด กรด ไหล ย้อน 】ขมิ้นชัน กรีนเคอมิน green curmin ดีไหม <--

สรุป

อาการของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และ สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) , การใช้ยาบางชนิด และการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากเกินไป ซึ่งอาการหลักที่จะเป็นจะมีดังนี้

  • ปวดท้องหรือไม่สบาย
  • คลื่นไส้และอาเจียน
  • อาหารไม่ย่อย
  • ท้องอืด
  • เรอบ่อย

หากเกิดอาการดังกล่าว ก็ควรเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร และลองทานอาหารเสริมควบคู่ไปด้วยโดยยังไม่ต้องเข้าพบแพทย์ เพื่อไม่ให้เสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น แต่หากลองทำแล้ว อาการไม่บรรเทา นั้นแสดงว่าอาการหนัก ควรเข้าพบแพทย์โดยทันที

ที่มา : Praram9

บทความที่เกี่ยวข้อง

24 สิ่งที่คน【 เป็น โรคกระเพาะห้ามกินอะไร บ้าง 】?
กิน【 ยารักษาโรค กระเพาะอาหารอักเสบ กี่วันหาย กินยาอะไร ? 】